วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ราคา Lamborgini

ราคา Lamborghini Gallardo LP 550-2

ราคา Lamborghini GALLARDO LP 550-2เครื่องยนต์ – 5204 C.C. V10 DOHC
แรงม้า - 550
เกียร์/ขับเคลื่อน
– 6MT/AWD
เวลาทำความเร็วจาก 0-100 km/h - 3.9 sec
ความเร็วสูงสุดที่ : 320 km/h
ราคา - 21,905,000 บาท
รายละเอียดกับกับรถคันนี้
- Lamborghini Gallardo LP550-2 Tricolore
- Lamborghini Gallardo LP 550-2 Spyder

ราคา Lamborghini Gallardo LP560-4

ราคา Lamborghini GALLARDO LP560-4เครื่องยนต์ – 5201 C.C. V10 DOHC
แรงม้า - 560
เกียร์/ขับเคลื่อน – 6MT/AED
เวลาทำความเร็วจาก 0-100 km/h - 3.7 sec
ความเร็วสูงสุดที่ : 325 km/h
ราคา - 23,505,000 บาท
รายละเอียดกับกับรถคันนี้
- Niche Cars เผยโฉม Lamborghini Gallardo LP560-4 Bicolore

ราคา Lamborghini Gallardo LP560-4 Spyder

ราคา Lamborghini GALLARDO LP560-4 SPYDERเครื่องยนต์ – 5200 C.C. V10 DOHC
แรงม้า - 560
เกียร์/ขับเคลื่อน – 6MT/AWD
เวลาทำความเร็วจาก 0-100 km/h - 4.0 sec
ความเร็วสูงสุดที่ : 324 Km/h
ราคา - 24,505,000 บาท

ราคา Lamborghini Gallardo LP570-4 Superleggera

ราคา Lamborghini GALLARDO SUPERLEGGERA LP570-4เครื่องยนต์ – 5204 C.C. V10 DOHC
แรงม้า - 570
เกียร์/ขับเคลื่อน – 6MT/AWD
เวลาทำความเร็วจาก 0-100 km/h -3.4sec
ความเร็วสูงสุด: 325 km/h
ราคา
- 26,905,000 บาท
ราคา
ณ ปัจจุบัน (10 ธค 2554) 24,000,000 บาท
รายละเอียดกับกับรถคันนี้
- Lamborghini Gallardo LP 570-4 Superleggera Review

ราคา Lamborghini Gallardo LP570-4 Spyder Performante

ราคา Lamborghini Gallardo LP570-4 Spyder Performanteเครื่องยนต์ – 5204 C.C. V10 DOHC
แรงม้า
- 570
เกียร์/ขับเคลื่อน
– 6MT/AWD
เวลาทำความเร็วจาก 0-100 km/h
-3.9sec
ความเร็วสูงสุด:
324 km/h
ราคา ณ ปัจจุบัน (10 ธค 2554) 24,500,000 บาท (Full Options)รายละเอียดกับกับรถคันนี้
- Niche Cars เผยโฉม Lamborghini Gallardo LP570-4 Performante
- Lamborghini Gallardo LP 570-4 Spyder Performante Review NEW!

ราคา Lamborghini Murcielago LP640

ราคา Lamborghini MURCIELAGO LP640เครื่องยนต์ – 6496 C.C. V12 DOHC
แรงม้า - 640
เกียร์/ขับเคลื่อน – 6MT/4WD
เวลาทำความเร็วจาก 0-100 km/h - 3.4 sec
ราคา - 34,000,000 บาท
* โดยปัจจุบันรุ่นนี้เลิกผลิตไปแล้ว และรุ่นที่มาแทนที่คือ  Aventador ด้านล่าง

ใหม่ล่าสุด ราคา Lamborghini Aventador LP700-4



Lamborghini Aventador LP700-4
Lamborghini Aventador LP700-4
เครื่องยนต์ -   V12 สูบบล๊อคล่าสุด  ความจุ 6.5 ลิตร
แรงม้า - 700 แรงม้า
เกียร์/ขับเคลื่อนAMT 7 จังหวะ ISR (Independent Shifting Rods)
ความเร็วในการเปลี่ยนเกียร์ประมาณ 0.05 วินาที
อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยประมาณ 5.8 กม./ลิตร
ความเร็วสูงสุด 350 กม./ชม.
เวลาทำความเร็วจาก 0-100 km/h - 2.9 sec
ราคา - 36,500,000 บาท
รายละเอียดกับกับรถคันนี้
- สีทั้งหมดของ Lamborghini Aventador LP700-4
- นิช คาร์ เปิดตัว Lamborghini Aventador LP700-4

ราคารุ่น Lamborghini รุ่น  Special And Limited Editions

ราคา Lamborghini Gallardo LP550-2 Tricolore ผลิตมาเพียง 150 คันทั่วโลก


ราคา Lamborghini Gallardo LP550-2 Tricolore ผลิตมาเพียง 150 คันทั่วโลก
Lamborghini Gallardo LP550-2 Tricolore
เครื่องยนต์ – V10 5.2 ลิตร
แรงม้า - 550 แรงม้า
เกียร์/ขับเคลื่อน – E-Gear System (6-speed and reverse)
ความเร็วสูงสุด 320 กม./ชม.
เวลาทำความเร็วจาก 0-100 km/h - 3.9 sec
ราคา - 21,500,000 บาท

ราคา Lamborghini LP560-4 Bicolore

การออกแบบที่น่าชื่นชมและความงามเป็นเลิศ แนวคิดมาจากความร้อนแรงของภูเขาไฟ กับการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์และทันสมัย
Lamborghini LP560-4 Bicoloreเครื่องยนต์ - V10 5.2 ลิตร
แรงม้า - 560 แรงม้า
เกียร์/ขับเคลื่อน – E-Gear System (6-speed and reverse)
ความเร็วสูงสุด -  325 กม./ชม.
เวลาทำความเร็วจาก 0-100 km/h - 3.7 sec
ระบบการขับเคลื่อน - 4 ล้อ
ราคา – 23,500,000 บาท

ราคา Lamborghini Gallardo LP 570-4 Super Trofeo Stradale  ผลิตออกมาเพียง 150 คันทั่วโลก

นี่คือรุ่นที่สุดของ Gallardo นี่คือรถที่นำเอาเทคโนโลยีของรถแข่งอย่าง Blancpain Super Trofeo มาเป็นพื้นฐานในการผลิต
ราคา Lamborghini Gallardo LP 570-4 Super Trofeo Stradaleเครื่องยนต์ - V10 5.2 ลิตร
แรงม้า – 570 แรงม้า
เกียร์/ขับเคลื่อน – E-Gear System (6-speed and reverse)
ความเร็วสูงสุด -  320 กม./ชม.
เวลาทำความเร็วจาก 0-100 km/h – 3.4 sec
ระบบการขับเคลื่อน - 4 ล้อ
น้ำหนัก - 1,340 กิโลกรัม
ราคา  25,500,000  บาท

ราคา Lamborghini Murcielago LP670-4 SV ผลิตออกมาเพียง 350 คันทั่วโลก

ราคา Lamborghini MURCIELAGO LP670-4เครื่องยนต์ – V12 6.5 ลิตร
แรงม้า – 670 แรงม้า
เกียร์/ขับเคลื่อน – 6MT/AWD
ความเร็วสูงสุด -  342 กม./ชม.
เวลาทำความเร็วจาก 0-100 km/h – 3.2 sec
ราคา - 36,000,000 บาท


หมายเหตุ: ราคาดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ตาม option หรืออื่น ๆ  ถ้าอยากทราบราคาที่เเน่นอนควรสอบถามราคาจากผู้จำหน่ายอีกครั้ง


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - “ทองหล่อ จาก ผ่านฟ้า”      
        “ผ่านฟ้าแจ้งเหตุ ว.40 รถยนต์สปอร์ต ยี่ห้อเฟอร์รารี สีเทาดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน เฉี่ยวชนจักรยานยนต์ตราโล่เจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วหลบหนี บริเวณปากซอยสุขุมวิท 47 โดยคนร้ายขับรถยนต์มุ่งหน้าหลบหนีไปทางซอยสุขุมวิท 53 ที่เกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตคาที่เกิด ว.13 ผู้แจ้ง********** ทองหล่อ ว.2 ข้อความ”
      
        “ทองหล่อ...ทราบ”
      
       ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ พร้อมด้วยกู้ภัยต่างรีบเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างเร่งด่วน ซึ่งไม่มีใครคาดคิดว่า เสียง ว.6 จากศูนย์วิทยุผ่านฟ้าจะไปเข้าหู “บิ๊กแจ๊ส” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.ที่ตื่นเช้าขึ้นมาเพื่อเตรียมตัวออกจากบ้านมาปฏิบัติภารกิจในฐานะ “แม่ทัพนครบาล” ที่กำลังเฝ้าฟังความเคลื่อนไหวปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่นครบาลที่รับผิดชอบอยู่พอดีเฉกเช่นทุกวัน
      
       เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมกู้ภัยตรวจสอบที่เกิดเหตุบริเวณปากซอยสุขุมวิท 47 พบรถจักรยานยนต์ ทะเบียนตราโล่ 51511 ของตำรวจสภาพยับเยินพลิกคว่ำอยู่กลางท้องถนน ตำรวจจึงได้นำสีสเปย์มาฉีดรอบวงไว้เพื่อเป็นหลักฐาน พื้นถนนมีรอยยางไหม้เป็นทางยาวช่วงก่อนจุดที่พบรถ จยย.พลิกคว่ำอยู่เล็กน้อยมี รอยครูดเป็นทางยาวบนท้องถนน ห่างจากจุดเกิดเหตุไปประมาณ 200 เมตร พบร่างไร้วิญญาณของ ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่ ป.สน.ทองหล่อ รหัสหมวกคือ 126-4 นอนแน่นิ่งในสภาพอาการกระดูกแขนขาผิดรูป ศีรษะแตก มีเลือดออกท่วมกายอยู่บนพื้นถนนสุขุมวิทอย่างอเนจอนาถสายตาผู้พบเห็น
      
       เป็นประเด็นใหญ่โตขึ้นมาทันทีเมื่อผู้เสียชีวิตรายนี้เป็นถึงตำรวจในพื้นที่ สน.ทองหล่อ พื้นที่เกิดเหตุเองตำรวจที่มารตรวจพื้นที่เกิดเหตุจึงรายงานให้ พ.ต.อ.ชุมพล พุ่มพวง ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ ทราบอย่างเร่งด่วน
      
       ส่วนคนร้ายที่ก่อเหตุได้ขับรถหลบหนีเข้าไปในซอยสุขุมวิท 53 เจ้าหน้าที่จึงได้ออกติดตามรถต้องสงสัยในทันที โดยพบที่พื้นผิวถนนมีคราบน้ำมันเครื่องเป็นทางยาวจากบริเวณจุดเกิดเหตุมาจนมาถึงบ้านเลขที่ 9 เนื้อที่กว่า 3 ไร่ ซึ่งจากการตรวจสอบทราบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นของนายเฉลิม อยู่วิทยา ทายาทของเจ้าพ่อกระทิงแดงที่ล่วงลับไปแล้ว คือ นายเฉลียว อยู่วิทยา และรถยนต์คันดังกล่าวนั้นยังคงจอดอยู่ภายในบ้านแต่ยังไม่มีข้อมูลว่าผู้ใดเป็นผู้ขับขี่
      
       ในขณะเดียวกัน ผบช.น.ได้วิทยุรียกให้ ผกก.สน.ทองหล่อ ว.13 รายงานความคืบหน้าในที่เกิดเหตุทันทีหลังจากที่รู้ว่ามีเจ้าหน้าตำรวจเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่
      
        “นายครับรถคันก่อเหตุอยู่ในบ้านตระกูลอยู่วิทยา ของคุณเฉลียว เจ้าของกระทิงแดง ที่ซอยสุขุมวิท 53 ครับไม่ทราบจะให้ดำเนินการอย่างไรดีครับ”
      
       ช่วงสายวันเดียวกัน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ได้เดินทางไปยังบ้านหลังดังกล่าวโดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปภายในแต่อย่างใด ก่อนจะเดินออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พร้อมยืนยันว่าคดีนี้จะต้องติดตามจับกุมคนร้ายตัวจริงมาลงโทษตามกฎหมายให้ได้ เนื่องจากผู้ใต้บังคับบัญชาเสียชีวิต
      
        “ผมกล้าเอาตำแหน่งเป็นประกันผมพร้อมที่ลาออกจากตำแหน่งหากไม่สามารถนำผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีได้ ซึ่งหากยังไม่เดินทางเข้ามอบตัว ก็จะนำกำลังตำรวจ 300 นายบุกเข้าตรวจค้น” แม่ทัพนครบาลประกาศเสียงกร้าวจนทำให้เพื่อนสายตรวจตำรวจที่เสียชีวิต ซึ่งติดตามอยู่บริเวณอยู่หน้าบ้านพัก ได้ปรบมือให้กำลังใจต่อการตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวไม่กลัวไม้ซุงอย่างผู้ประกอบการเครื่องดื่มชูกำลังยักษ์ใหญ่อย่างกระทิงแดง
      
       ในช่วงระหว่างรอคำตอบว่าใครเป็นผู้ขับขี่รถสปอร์ตหรูทูตมรณะคันดังกล่าว พ.ต.ท.ปัณณ์ภณ นามเมือง สวป.สน.ทองหล่อ ซึ่งเป็นผู้ดูแลบ้านตระกูลอยู่วิทยาได้เข้าไปพูดคุยกับนายเฉลิม อยู่วิทยา อย่างเคร่งเครียดหลังได้รับโทรศัพท์จากนายเฉลิมเรียกให้เข้าไปปรึกษาปัญหาสำคัญภายในบ้านอย่างเร่งด่วน
      
       พ.ต.ท.ปัณณ์ภณ ออกมาพร้อมกับหลักฐานสมุดบันทึกลงเวลาเข้า-ออกบ้านตระกูลอยู่วิทยา โดยพยายามออกมาพูดว่าคนดูแลรถภายในบ้านเป็นผู้ขับขี่รถยนต์ยี่ห้อเฟอรารี่ สีเทาดำ หมายเลขทะเบียน ญญ 1111 กทม.ไปเกิดเหตุ
      
       เรื่องนี้ถึงกับทำให้ “บิ๊กแจ๊ส” ลมออกหูขึ้นมาทันที!!
      
       “ผมรับไม่ได้กับพฤติกรรมแย่ๆ อย่างนี้ของคนเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง ถามหน่อยทำได้อย่างไรลูกน้องตายทั้งคน แล้วนี่ทราบประวัติด้วยว่าเป็นตำรวจที่ตั้งใจทำงานมีความประพฤติเรียบร้อยและในช่วงเวลาที่เขาตายก็เป็นเวลาปฏิบัติหน้าที่ สวมเครื่องแบบตำรวจออกมาตรวจจุดตรวจในช่วงเช้าจนมาเสียชีวิต ผมรับไม่ได้จริงๆ ครับ”พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.ให้เหตุผลในคำสั่งเด้งฟ้าผ่า หลังเซ็นคำสั่งโยกย้าย พ.ต.ท.ปัณณ์ภณ นามเมือง สวป.สน.ทองหล่อ เข้ามาช่วยราชการที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) แบบไม่มีกำหนด เนื่องจากมีพฤติกรรมพยายามนำผู้ที่มีหน้าที่ขับรถประจำบ้านหลังดังกล่าวมาส่งพนักงานสอบสวนทั้งที่ในข้อเท็จจริงไม่ใช่ผู้ที่ขับรถชน ด.ต.วิเชียร เพราะจากการตรวจสอบสมุดบันทึกการเข้าออกของพนักงานรักษาความปลอดภัยประจำประตูหน้า พบว่านายวรยุทธเป็นผู้ขับรถคันเกิดเหตุ พร้อมแต่งตั้ง พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนเพื่อความรัดกุมในคดี
      
       ต่อมา พล.ต.ท.คำรณวิทย์ได้เข้าไปในบ้านหลังดังกล่าวเป็นรอบที่สองพร้อมนำตัวนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ “บอส” ลูกชายคนเล็กของนายเฉลิม อยู่วิทยา นักธุรกิจหมื่นล้านเครื่องดื่มกระทิงแดง ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นผู้ขับรถคันก่อเหตุพร้อมทนายความส่วนตัวเดินทางไปสอบสวนที่ สน.ทองหล่อ ทันที สร้างบรรยากาศที่เคร่งเครียดให้กับคนในตระกูลอยู่วิทยาเป็นอย่างมาก หลังจากที่นายเฉลิมได้เอ่ยปากขอร้อง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ให้การช่วยเหลือแต่ได้รับการปฏิเสธอย่างมีมารยาท โดยยืนยันให้นำตัว “ลูกบอส” หัวแก้วหัวแหวนของนายเฉลิมไปสอบปากคำที่ สน.ทองหล่อก่อน
      
       พล.ต.ต.อนุชัยบอกภายหลังการสอบปากคำเป็นเวลากว่า 6 ชั่วโมงท่ามกลางกองทัพสื่อมวลชนที่ตามติดอย่างใกล้ชิดว่า เบื้องต้นนายวรยุทธให้การภาคเสธ โดยรับว่าชนจริง แต่รถของผู้ตายขับปาดหน้าทำให้หักหลับไม่ทัน ซึ่งตำรวจแจ้ง 2 ข้อหา คือ ขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิต และชนแล้วหนีโดยไม่แจ้งเหตุ โดยตั้งวงเงินประกัน 5 แสนบาท และไม่คัดค้านการประกันตัว
      
       ส่วน นายสุเวศ หอมอุบล อายุ 45 ปี ซึ่งเป็นพ่อบ้านดูแลรถ ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นผู้ที่ขับรถคันเกิดเหตุ แต่จากการสอบปากคำและตรวจร่างกายเบื้องต้นไม่ปรากฏบาดแผล และ ร่องรอยจากการเกิดอุบัติเหตุ อีกทั้งไม่สามารถให้รายละเอียดเหตุการณ์ได้ จึงเชื่อว่าไม่ใช้ผู้ต้องหาตัวจริง ตำรวจจึงแจ้งข้อหาให้การเท็จกับเจ้าพนักงานซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ก่อนจะนำตัวส่งศาลแขวงพระนครใต้ต่อไป
      
       ทั้งนี้ คดีกว่าจะถึงชั้นศาล หรือกว่าศาลจะมีคำตัดสินยังคงต้องรอกันอีกหลายยก แต่สำหรับ พ.ต.ท.ปัณณ์ภณ นามเมือง อดีต สวป.สน.ทองหล่อ กลายเป็นหนังหน้าไฟถูกเชือดตั้งแต่ยกแรก จนยกสุดท้ายถึงขั้นคณะกรรมการสอบวินัยมีมติเป็นเอกฉันท์ ผิดวินัยร้ายแรง ให้ออกจากราชการไว้ก่อนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
      
       ขณะที่ตัวผู้ก่อเหตุคือนายวรยุทธนั้นแม้จากการเปิดเผยข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2555 ที่ผ่านมาจะทำให้เขาโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง เนื่องเพราะพล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วย ผบ.ตร.ระบุชัดว่า ระยะทางตั้งแต่จุดชนแรกจนถึงจุดที่ร่างของ ด.ต.วิเชียรอยู่บนพื้นถนน ปรากฏกองคราบโลหิต เป็นระยะทางประมาณ 64 เมตร ทิศทางจากปากซอยสุขุมวิท 47 ไปทางซอย 49 โดยจุดแรกที่ชนพบรอยการกระเซ็นของเลือดบนพื้นถนน รอยครูดบนพื้นถนน ห่างจากจุดแรก 12.5 เมตร จำนวน 2 รอย ซึ่งรอยครูดบนเส้นขอบทางสีเหลืองห่างจุดสอง 7 เมตร รอยครูดที่ขอบคอนกรีตเกาะกลางถนนห่างจุดสาม 12 เมตร โดยมีรอยครูดบนพื้นถนนห่างจุดสี่ 1 เมตร รอยครูดบนพื้นถนนห่างจุดห้า 6.4 เมตร และกองคราบโลหิตจำนวนมากบนพื้นถนนห่างจุดหก 24.7 เมตร รวมระยะจุดชนแรก ถึงจุดที่ ด.ต.วิเชียรนอนบนพื้นถนน 64.6 เมตร ไม่มีร่องรอยการถูกลากต่อไปแต่อย่างใด ทั้งนี้ ตามจุดที่รถจักรยานยนต์ล้ม อยู่บริเวณใกล้ปากซอยสุขุมวิท 49 ห่างจากจุดชนแรกเป็นระยะทางประมาณ 163.6 เมตร ไม่ปรากฏรอยเลือดของผู้เสียชีวิตบนผิวถนนในบริเวณที่รถล้มอยู่แต่อย่างใด
      
       แต่ที่สิ่งที่จะทำให้เขาถูกสังคมประณามหนักไม่แพ้กัน รวมทั้งทำให้ต้องถูกแจ้งเพิ่มข้อกล่าวหาอีก 1 กระทงก็คือ ผลการตรวจสอบที่ พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. ออกมาเปิดเผยว่า “นายวรยุทธมีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดมากกว่ากฎหมายกำหนด”
      
       หรือสรุปง่ายๆ ก็คือ “เมาแล้วซิ่ง” อันจะทำให้โทษรวมจะเพิ่มขึ้นเป็นอัตราจำคุกขั้นต่ำ 3 ปี และสูงสุดถึง 10 ปี
      
        งานนี้สังคมคงต้องฝากคำเตือนไปที่ทายาทกระทิงแดงโดยหยิบยืมคำเตือนที่ติดเอาไว้บนฉลากเครื่องดื่มชูกำลังของตระกูลว่า “ห้ามดื่มเกินวันละ 2 ขวด โปรดอ่านคำเตือนบนฉลากทุกครั้ง”
      
        เรื่องโดย/สอนของพ่อ สถิตในดวงใจ



หมอดูชื่อดังขับ Ferrari

ก็เป็นไปตามคำสัญญา เนื่องจากรถของ "หมอกฤษฏ์" แต่ละคันมันไม่ธรรมดา เอาซะเลย จึงต้องจัดให้มีภาคต่อในครั้งนี้

สำหรับเรื่องราวรถอีกคันของซุปตาร์ในวงการทำนายทายทักรายนี้ ก็ยังคงเป็น

"ซูเปอร์คาร์" และยังเป็นอีกหนึ่งรถในฝันของคนทั้งโลกอีกเช่นเคย

เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา ขอเฉลยเลยแล้วกันว่ารถคันที่ว่านี้ เป็นรถแบรนด์อะไร ยี่ห้ออะไร รุ่นไหน....

เมื่อสัปดาห์ก่อน เป็นเจ้าเฟอร์รารี่ 430 สคูเดเรีย (Ferrari F430 Scuderia ) และ เมอร์เซเดสเบนส์ เอแอลเค 350

สำหรับคันที่จะบอกกล่าวกันในครั้งนี้ก็คือ เจ้า แลมเบอร์กีนี่ห์  รุ่นแกลลาโด้ (Lamborghini Gallardo) สีเหลืองอร่าม สวยสะดุดตาแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง

อย่างเฟอร์รารี่ เขาเรียกกันว่า "ม้าลำพอง"

ส่วนเจ้าแลมโบกีนี่ห์ เขาจะเรียกว่า "กระทิงดุ" ตามสัตว์ที่ใช้เป็นสัญญลักษณ์..

สอบถามเจ้าของรถอย่างหนุ่ม "หมอกฤษฏ์" เรื่องรายละเอียดก็ได้ใจความว่า เครื่องยนต์ของเจ้ากระทิงดุคันนี้ มีเครื่องยนต์ 5200 cc แรงม้าก็แค่ที่ 500 แรงม้า ความเร็ว 0-100 ประมาณ 3.9 วินาที

เมื่อสอบถามว่าเฟอร์รารี่ 430 คันแดง กับเจ้าแลมโบฯ สีเหลืองคันนี้ ใครแรงกว่ากัน เจ้าตัวบอกว่ายังไม่เคยวัดด้วยตัวเองเพราะต้องขับทีละคัน

(แหมถ้าแยกร่างได้คงขับที่ 2 คันแน่เลย นะป๋ากฤษฏ์ ฮาฮา..)

แต่ดูจากที่ต่างประเทศทำการทดสอบ เจ้าเฟอร์รารี่ 430 ดูจะขี่เจ้าแลมโบฯ เล็กน้อย คือเร็วกว่า แต่ไม่ได้มากมายจนทิ้งขาดหรือคนละชั้น

เอาเป็นว่า แรง แรง....ทั้งคู่

เมื่อสอบถามว่าทำไมรวยจังเอ้ย ...ไม่ใช่..เมื่อสอบถามว่าสนนราคาของเจ้าแลมโบฯคันนี้สนนราคาเท่าไหร่

ก็ได้รับคำตอบที่ทำให้นายหัวเห็ด ต้องกระเดือกน้ำลายฝืดคออีกครั้ง เพราะราคาที่ทราบนั้นมันแพงดีสีไม่ตก...ขอรับ

ฮา ฮา.....25 ล้านบาทบวกลบ

คนมีตังค์ธรรมดาซื้อไม่ได้ นะครับ ต้องมีตังค์มากๆๆๆๆ ถึงจะได้มันมาเป็นเจ้าของได้

ก็เรียกว่าประทับใจกันไปสำหรับเรื่อวงราวของกองทัพ รถซูเปอร์คาร์ ที่ "หมอกฤษฏ์" นำมาให้เราได้ชมกัน

ก็ถือว่าเป็นวิทยาทานในการให้ความรู้เรื่องรถ และก็ได้เห็นชีวิตของคนรักรถอย่างหนุ่ม "กฤษฏ์" หมอดูชื่อดังอีกมุมหนึ่ง

บางทีชีวิตมันก็ต้องสุดๆ ครับ ทำอะไรแล้วมีความสุขเราก็ทำ...ให้รางวัลชีวิตตัวเองไม่ได้ทำอะไรให้ใครเดือดร้อน ก็ทำไปเหอะครับ ชีวิตของคนเรามันสั้นนักแล...

สำหรับเรื่องราวของหมอดูซุปตาร์ กับรถซูเปอร์คาร์ของเขาก็จบลงอย่างบริบูรณ์ด้วยเพียงเท่านี้

อ้อลืมถามไป ว่ามี "ตุ๊กตาหน้ารถ" (สาวๆ) หรือยัง แต่ขับรถขนาดนี้ไม่มีสาวๆ มาสนใจก็บ้าแล้ว เนอะ หมอกฤษฏ์ สุดหล่อ ฮ่า ฮ่า....

จาก สยามดารา
http://www.siamdara.com/ColumnDrama.asp?tid=3264


Ferrari Clip - in Thailand


















ประวัติ Ferrari

 
มารู้จักกับ Ferrari กันดีกว่าหรือที่รู้จักกันในชื่อ  "ม้าลำพอง"

                   Ferrari ก่อตั้งขึ้นโดยนาย Enzo Ferrari ตั้งแต่ ปี 1929 โดยมีจุดประสงค์ต้องการที่จะทำเป็นอู่รถสำหรับทำรถเพื่อใช้ใน
การแข่งขัน   motor sport   เท่านั้น และหลังจากนั้นอีก  10   ปีต่อมา   Enzo Ferrari   จึงได้ก่อตั้งบริษัท Ferrari ขึ้นเพื่อผลิตรถยนต์
motor sport ภายใต้  Brand Ferrari  ของเขาเอง  แต่หลังจากที่ตั้งได้ไม่นานก็เกิดสงครามโลกขึ้นและผลของสงครามโลกนี่แหละ
ทำให้ โรงงานของ Ferrari ได้รับความเสียหายอย่างมากจากการถูกทิ้งระเบิด พอสงครามางบลงนาย Enzo Ferrari  ได้ทำการเปิด
โรงงานใหม่อีกครั้ง  เรามาดูกันว่าหลังจากนั้น Ferrari  ได้เนินการอย่างไรต่อไป
  Mr. Enzo Ferrari Mr. Michael Schumacher

- ปี 1946 Ferrari กลับมาเปิดโรงงานผลิตรถยนต์อีกครั้ง โดยยังคงเป้าหมายหลักคือผลิตรถยนต์ประเภท Motor Sport

- ปี 1969 Enzo Ferrari ได้ขายหุ้น 50% ให้กับ บริษัท Fiat ทำให้ Ferrari ต้องเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่ เป็น Ferrari S.p.A. Esercizio
   Fabbriche Automobili e Corse

- ปี 1988 Fiat Group's ได้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นของ Ferrari กว่า 90% โดยตระกูล Ferrari เหลือหุ้นเพียง 10% เท่านั้น และตั้งแต่
   ปี 1989 เป็นต้นมา Ferrari ก็เป็นที่รู้จักในชื่อของ บริษัท Ferrari S.p.A. อีกอย่าง ไมเคิล ชูมัคเกอร์  ใช้รถของ   Ferrari แข่งใน
   formula1  ด้วยนะจะบอกให้

ในบรรดารถสปอร์ทพันธุ์อิตาลีที่มีอยู่มากมายหลายยี่ห้อ คงไม่มีรถสปอร์ทยี่ห้อไหนอีกแล้ว ที่จะโด่งดังและเป็นที่
รู้จักกันดีทั่วโลก ยิ่งไปกว่ารถ เฟร์รารี เจ้าของสมญานาม "ม้าลำพองจากเมืองมาราเนลโล" (THE PRANCING HORSE FROM
MARANELLO)  สัญลักษณ์ของเฟร์รารี  แยกออกได้เป็นสามส่วนและแต่ละส่วนมีที่มาแตกต่างกัน กล่าวคือพื้นสีเหลืองเป็นสี
ประจำเมืองโมเดนา (MODENA) ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งของโรงงานเฟร์รารี รูปม้ากำลังเผ่นโผนเป็นสัญลักษณ์ประจำตัว ฟรานเชสโค
บารัคคา (FRANCESCO BARACCA) เสืออากาศสมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ส่วนแถบสีเขียว-ขาว-แดง ที่พาดอยู่ตอนบนคือสี
ธงชาติอิตาลี   ประวัติความเป็นมาของเฟร์รารีแยกไม่ออกจากประวัติความเป็นมาของ   เอนโซ เฟร์รารี   (ENZO FERRARI)
"ปูชนียบุคคลของวงการรถสปอร์ท และกีฬารถแข่ง" ผู้ก่อตั้งกิจการและนำเฟร์รารีไปสู่ความรุ่งโรจน์ ก่อนก่อตั้งกิจการของตนเอง
เอนโซ เฟร์รารี เคยเป็นนักขับรถแข่งให้แก่ อัลฟา โรเมโอ มาก่อนในปี 1940 ขณะที่มีอายุ 42 ปี เขาลาออกและก่อตั้งกิจการขึ้นเอง
มีชื่อว่า SOCIETA AUTO AVIO CONSTRUZIONI RERRARI กิจการที่ทำคือ ออกแบบและผลิตรถแข่ง และนั่นคือจุดเริ่มต้นของ
รถสปอร์ทและทีมแข่งรถที่มีชื่อเสียงอยู่ยงคงกระพันมากว่า 4 ทศวรรษ

กล่าวได้ว่า แทบไม่มีการแข่งรถรายการใดในยุโรปที่เฟร์รารีไม่เคยชนะ เฟร์รารีคว้าตำแหน่งแชมป์โลกผู้ผลิตมาแล้วรวม 14 ครั้ง
คว้าแชมป์การแข่งเลอมังส์ 24 ชั่วโมง 9 ครั้ง ชนะเลิศการแข่งรถฟอร์มูลา- 1 ชิงแชมป์โลกรวม 103 ครั้ง ครองตำแหน่งแชมป์โลก
ผู้สร้างรถ 6 สมัย และครองตำแหน่งแชมป์โลกนักขับรวม 8 สมัย ในวงการแข่งรถฟอร์มูลา- 1 ชิงแชมป์โลก เฟร์รารีคือทีมที่ประสบ
ความสำเร็จสูงสุดควบคู่กับการแข่งรถคือการผลิตรถสปอร์ทชั้นยอดเพื่อจำหน่ายให้แก่นักเลงรถยนต์ผู้มีรสนิยม โดยที่ส่วนใหญ่
เฟร์รารีจะออกแบบและผลิตเครื่องยนต์ขึ้นเอง และว่าจ้างผู้ชำนาญการด้านตัวถัง เช่น ปินินฟารินา ฯลฯ เป็นผู้ออกแบบตัวถังในช่วง
46 ปีที่ผ่านมา คือตั้งแต่ปี 1946 จนถึงปัจจุบัน เฟร์รารีผลิตเครื่องยนต์ไปแล้วประมาณ 160 แบบ และผลิตรถสปอร์ทแบบต่างๆ ออก
จำหน่ายในตลาดรวมทั้งสิ้นประมาณ     60,000     คัน      รถที่ผลิตมากที่สุด คือ เฟร์รารี   328   จีทีเอส   (4,979 คัน)   รองลงไปคือ
เฟร์รารี เตสตาโรสซาและเฟร์รารี จีทีเอส ควาตโตร วาลโวเล ปัจจุบัน เฟร์รารีมีฐานะเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ในกลุ่มของเฟียตเช่น
เดียวกับลันชิอา และอัลฟา โรเมโอ กิจการของเฟร์รารีแยกออกได้เป็นสองส่วนใหญ่ๆ คือ ส่วนการผลิตรถตลาด และส่วนทีมแข่งรถ
ทั้งสองส่วนนี้มีการบริหารแยกเป็นอิสระจากกัน ปัจจุบันเฟร์รารีผลิตรถออกจำหน่ายเพียงไม่กี่รุ่นแต่ทุกรุ่นก็ได้รับการยกย่องว่าเป็น
รถสปร์ทชั้นยอด สำหรับกิจกรรมการแข่งรถ เฟร์รารีกำลังอยู่ในช่วงที่ตกต่ำสุดขีดเพราะไม่เคยชนะอีกเลยนับแต่ชนะครั้งสุดท้าย
เมื่อปลายปี 1990

ชื่อบริษัท: เฟร์รารี เอส.พี.เอ.
เอเซร์ชิซิโอ แฟบบริเค ออโตโมบิลี เอ คอร์เซ
FERRARI S.p.A.
ESERCIZIO FABBRICHE AUTOMOBILI E CORSE
ก่อตั้ง: ค.ศ. 1940
สำนักงานใหญ่: VIALE TRENTO TRIESTE 31,
41100 MODENA, ITALY
เว็บไซต์: www.ferrari.com
รถรุ่นสำคัญของ Ferrari
เฟร์รารี
125 (1947)
เฟร์รารี 340 อเมริกา (1952)
เฟร์รารี 250 จีที (1961)
เฟร์รารี 250 จีทีโอ (1962)
เฟร์รารี ดิโน 206 จีที เบร์ลิเนตตา (1967)
เฟร์รารี ดิโน 308 จีที (1973)
เฟร์รารี 308 จีทีบี (1975)
เฟร์รารี 512 บีบี (1976)
เฟร์รารี 308 จีทีบี ไอ (1981)
เฟร์รารี จีทีโอ (1984)
เฟร์รารี 412 (1985)
เฟร์รารี 328 จีทีบี/ 328 จีทีเอส (1985)
เฟร์รารี เอฟ-40 (1987)
เฟร์รารี 348 ทีบี/ 348 ทีเอส (1989)
เฟร์รารี 348 ทีบี (348 tb)
เฟร์รารี 348 ทีเอส (348 ts)
เฟร์รารี มนดิอัล ที (MONDIAL t)
เฟร์รารี มนดิอัล ที คาบริโอเลต์ (MONDIAL t CABRIOLET)
เฟร์รารี 512 ทีอาร์ (512 TR)
เฟร์รารี เอฟ-40 (F-40)
 

10 อันดับ “รถยนต์แพงที่สุด”

อันดับที่ 10 พอร์ช 918 สไปเดอร์ (Porsche 918 Spyder)
รถสปอร์ต (ไฮบริด) สายพันธุ์เยอรมันคันนี้ มีราคาจำหน่าย $845,000  (กว่า 26 ล้านบาท) ใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 3.4 ลิตร ขุมพลัง 500 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัวที่ให้ขุมพลัง 218 แรงม้า โดยมีอัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง (0-100 ก.ม./ช.ม.) ภายในเวลา 3.1 วินาที
อันดับที่ 9 เอสเอสซี ทัวทาร่า (SSC Tuatara)
รถสปอร์ตสัญชาติอเมริกันคันนี้ ใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 6.8 ลิตร ให้ขุมพลังเต็มเปี่ยมที่ 1,350 แรงม้า อัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง (0-100 ก.ม./ช.ม.) ภายในเวลา 2.5 วินาที  ค่าตัวอยู่ที่ประมาณ  $970,000  (กว่า 30 ล้านบาท)
อันดับที่ 8 เฮนเนสซี่ย์ เวนอม จีที (Hennessey Venom GT)
รถยนต์อเมริกันคันนี้มีค่าตัวราว $1 ล้าน (กว่า 31 ล้านบาท) ใช้เครื่องยนต์ V8 ขุมพลัง 1,200  แรงม้า อัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง (0-100 ก.ม./ช.ม.) ภายในเวลา 2.5 วินาที
อันดับที่ 7 ปากานี่ ไวร่า (Pagani Huayra)
 
รถยนต์สปอร์ตสายพันธุ์อิตาลีคันนี้มีค่าตัว $1.3 ล้าน (เกือบ 41 ล้านบาท) ใช้เครื่องยนต์ V12 ของเมอร์เซเดส เบนซ์ ที่ให้ขุมพลัง 700 แรงม้า โดยมีอัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง (0-100 ก.ม./ช.ม.) ภายในเวลา 3.5 วินาที
อันดับที่ 6 มายบัค แลนเดาเล็ต (Maybach Landaulet)  
 
รถเปิดประทุนสุดหรูจากเยอรมนีคันนี้ มีค่าตัว $1.4 ล้าน (เกือบ 44 ล้านบาท) ใช้เครื่องยนต์ V12 620  แรงม้า อัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง (0-100 ก.ม./ช.ม.) ภายในเวลา 5.2 วินาที
อันดับที่ 5 แอสตัน มาร์ติน วัน-77 (Aston Martin One-77 )
 
ซูเปอร์คาร์เมืองผู้ดีคันนี้มีค่าตัวเท่ามายบัค แลนเดาเล็ตที่  $1.4 ล้าน (เกือบ 44 ล้านบาท) โดยมาพร้อมเครื่องยนต์ V12 ขนาด 7.3 ลิตร ที่ให้พลัง 750 แรงม้า และมีอัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง (0-100 ก.ม./ช.ม.) ภายในเวลา 3.7  วินาที
อันดับที่ 4 คอนิกเส็กก์ อาเกียร่า อาร์ (Koenigsegg Agera R)
ซูเปอร์คาร์จากประเทศสวีเดนคันนี้ ใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 5.0 ลิตร ที่มาพร้อมขุมพลัง 1,115 แรงม้า  โดยมีอัตราเร่งตั้งแต่ 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง (0-100 ก.ม./ช.ม.) ภายในเวลา 2.9  วินาที ค่าตัวอยู่ที่  $1.7 ล้าน (กว่า 53 ล้านบาท) และถ้าอยากได้เวอร์ชั่นคาร์บอนไฟเบอร์ก็ต้องจ่ายเพิ่มอีก  $270,000  (เกือบ 8.5 ล้านบาท) 
อันดับที่ 3 เซนโว เอสที วัน (Zenvo ST1)
รถสปอร์ตสุดหรูจากประเทศเดนมาร์กคันนี้ มีค่าตัวสูงถึงคันละ $1.8 ล้าน (กว่า 56 ล้านบาท) โดยมาพร้อมเครื่องยนต์ V8 ขุมพลัง 1,250 แรงม้า อัตราเร่งตั้งแต่ 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง (0-100 ก.ม./ช.ม.) ภายในเวลา 2.9  วินาที
 อันดับที่ 2 เฟอร์รารี่ 599 เอ็กซ์เอ็กซ์ (Ferrari 599XX)
สุดยอดรถสปอร์ตสายพันธุ์อิตาลีคันนี้ มาพร้อมเครื่องยนต์ V12 ที่ให้ขุมพลัง 700 แรงม้า และมีอัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง (0-100 ก.ม./ช.ม.) ภายในเวลา 2.9  วินาที ค่าตัวของรถรุ่นนี้ไม่มีการประกาศให้ทราบอย่างเป็นทางการ แต่ลือกันว่าน่าจะมากกว่า $2 ล้าน (มากกว่า 63 ล้านบาท) เห็นค่าตัวแพงขนาดนี้ ขอบอกว่านำมาวิ่งบนท้องถนนไม่ได้ (ต้องซิ่งในสนามแข่งรถเท่านั้น) ที่สำคัญ รถรุ่นนี้ทางเฟอร์รารี่จะจำหน่ายให้กับผู้ที่ได้รับคำเชิญ (ให้ไปซื้อ) เท่านั้น
อันดับที่ 1  บูกัตติ เวย์รอน ซูเปอร์สปอร์ต (Bugatti Veyron Supersport) 
สุดยอดรถยนต์จากแดนน้ำหอม “บูกัตติ เวย์รอน ซูเปอร์สปอร์ต” มาพร้อมค่าตัวที่สูงถึง  $2.6 ล้าน (กว่า 81 ล้านบาท) รถรุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์ W16 ที่ให้ขุมพลังสูงถึง 1,200  แรงม้า และมีอัตราเร่งสูงสุดตั้งแต่ 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง (0-100 ก.ม./ช.ม.) ภายในเวลา 2.4  วินาที

About these ads